“โรนัลโด” เปิดใจหลังตกรอบฟุตบอลโลก 2022 พร้อมโต้กลับข่าวลือเรื่องหันหลังให้ทีมชาติ

คริสเตียโน โรนัลโด เปิดใจหนแรก หลังโปรตุเกส ตกรอบ 8 ทีม ฟุตบอลโลก 2022 แย้มอาจเป็นหนสุดท้าย ซัดสื่อปั่นข่าวหันหลังให้ทีมชาติ

คริสเตียโน โรนัลโด ร่ายยาวผ่านโซเชียลมีเดียส่วนตัว เพื่อบอกความรู้สึกเป็นครั้งแรกหลังจาก ทีมชาติโปรตุเกส หมดลุ้นแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ด้วยการแพ้ ทีมชาติโมร็อกโก 0-1 ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งยอดดาวยิงวัย 37 ปี ได้เผยเป็นนัยว่าอาจเป็นเวิลด์คัพสมัยสุดท้ายของตัวเอง โดยเจ้าตัวได้แสดงท่าทางผิดหวังอย่างชัดเจน ด้วยการเดินร้องไห้ออกจากสนามอัล ธูมามา สเตเดียม ในกรุงโดฮา หลังจบเกมการแข่งขัน

คริสเตียโน โรนัลโด ซึ่งกลายเป็นนักเตะคนแรกที่ยิงประตูได้ในฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ถึง 5 สมัย (ปี 2006, 2010, 2014, 2018 และ 2022) ยังตอบโต้สื่อเกี่ยวกับประเด็นที่เขาถูกปั่นกระแสข่าวว่าเป็นตัวปัญหาของทีม โดยระบุว่าเขาเตรียมออกจากแคมป์ทีมชาติโปรตุเกส หลังโดนกุนซือ เฟอร์นานโด ซานโตส ดร็อปเป็นตัวสำรองในรอบ 16 ทีม และรอบ 8 ทีม

โรนัลโด กล่าวในโพสต์นี้ว่า “การคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกกับ โปรตุเกส เป็นความฝันที่ยิ่งใหญ่และทะเยอทะยานที่สุดในอาชีพนักฟุตบอลของผม โชคดีที่ผมคว้าแชมป์ระดับนานาชาติหลายรายการ รวมถึงได้แชมป์ร่วมกับ โปรตุเกส ด้วย แต่การทำให้ประเทศของเรามีชื่ออยู่บนจุดสูงสุดของโลกคือความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผม”

“ผมต่อสู้เพื่อสิ่งนี้ ผมพยายามต่อสู้อย่างหนักเพื่อความฝันนี้ ในการลงเล่น 5 สมัยที่ผมทำได้ในฟุตบอลโลกตลอด 16 ปีที่ผ่านมา เคียงข้างผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมและได้รับการสนับสนุนจากชาวโปรตุเกสหลายล้านคน ผมทุ่มเททุกสิ่งที่มี ผมใส่เต็มที่ทุกอย่างในสนาม ผมไม่เคยหันหน้าหนีให้กับการต่อสู้ และไม่เคยล้มเลิกความฝันนั้น”

“น่าเสียดายที่เมื่อวานนี้ความฝันได้จบลง มันไม่คุ้มที่จะตอบโต้อย่างร้อนแรง แต่ผมแค่อยากให้ทุกคนรู้ว่ามีคนพูดถึงผมมาก เขียนถึงผมมาก และมีการสร้างกระแสข่าวลือขึ้นมามากมาย แต่การอุทิศตนเพื่อ โปรตุเกส ไม่ได้เปลี่ยนไปแบบกะทันหันเลย”

“ผมเป็นอีกหนึ่งคนที่สู้เพื่อเป้าหมายของทุกคนเสมอ และผมก็ไม่เคยหันหลังให้กับเพื่อนร่วมทีมและประเทศของผม สำหรับตอนนี้ ผมไม่มีอะไรจะพูดมากไปกว่านี้อีกแล้ว ขอบคุณโปรตุเกส ขอบคุณกาตาร์ ความฝันนั้นสวยงามในขณะที่มันยังคงอยู่ ถึงเวลาแล้วที่จะเป็นที่ปรึกษาที่ดีและปล่อยให้แต่ละคนได้ข้อสรุปของตัวเอง”